(ภาพจาก http://runbydesign.com/training/top-5-things-to-watch-for-while-running-in-the-rain/)
พอลงรถเมล์และข้ามฝั่งไปที่ทางวิ่งรอบวัง ฝนก็เริ่มลงเม็ดเลย ให้มันได้ยังงั้นสิ แต่ใจคิดว่าคงไม่หนักมาก (มั้ง) ก็เลยเริ่มวิ่งเบาๆ ก่อน แนวต้นมะฮอกกานีใหญ่ ก็พอจะบังฝนได้ ถึงจะไม่มากนักก็ตาม
(ภาพจาก http://www.flickr.com/photos/everjeune/7251269104/)
แล้วเมื่อวิ่งไปได้เกือบรอบ ฝนก็ตกหนักขึ้นอีก คราวนี้นักวิ่งตอนเช้ามืดทุกคน ก็เริ่มเร่งฝีเท้า บ้างก็ยอมจำนวนเข้าไปหลบใต้ต้นไม้ แต่ผมวิ่งตามกลุ่มนักวิ่งชายหญิงขาประจำที่นั่น ไปหลบที่สถานีรถไฟจิตรดา ตอนนั้นฝนลงเม็ดหนาไม่มีท่าทางจะหยุดซะแล้ว
หลังจากรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง บางคนที่ขี่มอร์เตอร์ไซค์มาเริ่มเดินทางกลับ แล้วจู่ๆ ฝนก็ขาดเม็ด พวกที่ยืนรอจนหายเหนื่อย ก็รีบวิ่งข้ามฝั่งกันไปที่ทางวิ่ง ทุกคนคิดเหมือนกันคือ แยกย้ายกันกลับบ้าน เพราะสุดท้ายแล้ว ระหว่างทางที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับคอนโด พระพิรุณก็โปรยปรายลงมาอีกหลายยก ตอนนั้นเองที่ไอโฟนหยุดทำงาน
(ภาพจาก http://warrenmars.com/poetry/saner_milers.htm)
สำหรับการวิ่งกลางฝนนั้น หลักในการดื่มน้ำ หรือความเร็วที่ใช้ เท่าที่อ่านมาก็ไม่ต่างอะไรจากการวิ่งปกติคือ ร่างกายของเรายังมีการสูญเสียเหงื่อในอัตรเท่ากันกับตอนที่ฝนไม่ตก แต่จะน้อยกว่าการวิ่งตอนที่มีแดด ดังนั้นน้ำดื่ม และหมวก ก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นเสมอ และหลังจากนั้น หากต้องออกไปวิ่งรายการในวันที่คิดว่าฝนจะตก ผมจะติดถุง Ziploc หรือถุงใส่ยาที่รูดปากปิดได้ ขนาดพอจะใส่โทรศัพท์รวมทั้งสายรัดแขนและหูฟังไปด้วยเสมอ
(ภาพจาก http://www.trailreflections.com/2012/08/23/why-i-went-running-in-the-rain/)
ผมไม่ได้กลับไปวิ่งรอบวังสวนจิตรนานแล้ว แต่ก็ยังนั่งรถเมล์ผ่านทุกวันที่ไปและกลับจากที่ทำงานทั้งช่วงเช้าและเย็น และด้วยสภาพการจราจรบนถนนราชวิถีที่มีรถมากเกินผิวถนน ก็ต้องทำให้ลงเดินกลับคอนโดเกือบทุกวันเหมือนกัน ติดตรงไหนก็ขอเค้าลงตรงนั้น บางวันก็ยังเห็นสมาชิกที่วิ่งกันประจำที่นั่น
(ภาพจาก http://www.examiner.com/article/tips-for-running-a-race-the-rain)
หน้าฝน ถ้าไม่ได้ลองวิ่งกลางสายฝนสักครั้ง มันก็ไม่ใช่หน้าฝนสินะ
No comments:
Post a Comment