นักวิ่งขาประจำอาจจะรู้จักรองเท้ายี่ห้อนี้ดีอยู่แล้ว แต่สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ ที่เพิ่งเคยใช้รองเท้าวิ่งจริงๆ มาไม่กี่คู่อย่างผม ผมว่า Brooks นั้นเป็นเป็นยี่ห้อที่ไม่ค่อยคุ้นหู หากเมื่อเทียบกับยี่ห้อที่เราคุ้นๆ หูและนิยมใช้กันในเมืองไทย
พบกันครั้งแรก
ผมรู้จัก Brooks PureProject จริงๆ ครั้งแรก ตอนที่ไปทดสอบการลงเท้า ที่โชว์รูม Brooks (บางขุนนนท์) เพื่อทดสอบจังหวะการวิ่ง (Gait Analysis) และก่อนหน้านั้นน้องๆ ในกลุ่มวิ่งซื้อรองเท้ายี่ห้อนี้กันบ้างแล้ว ดูจากดีไซน์มันสวยดี แต่วันนั้นมีให้เลือกไม่มากและไม่มีขนาดเท้าที่เหมาะสม เลยยังไม่ได้ตัดสินใจ
แล้วก่อนรายการกรุงเทพมาราธอน พาลูกชายไปซื้อ Brooks ได้รุ่น PureGait2 ซึ่งทราบทีหลังว่ามันเป็นรองเท้าวิ่ง trail (วิ่งตามสภาพภูมิประเทศ) แต่เมื่อสอบถามไปที่ Brooks Thailand ก็ได้รับการยืนยันว่าใช้วิ่งถนนธรรมดาก็ได้
Brooks PureGait2
ผมลองใส่ Brooks PureGait2 วิ่ง 5 กม. ก็นิ่มดี สวมสบาย (ผมไม่ได้ใส่ถุงเท้าตอนวิ่งทดสอบด้วยซ้ำไป)
แล้วสุดท้าย ก็ได้ไปลอง Brooks PureFlow2 ที่ Super Sports เซนทรัล ปิ่นเกล้า เหลือไซส์ 12 อีกคู่นึงพอดี ตอนที่ไปซื้อ PureGait2 ก็ได้ลองคู่นี้ แต่ลูกชายไม่ชอบ (แต่พ่อชอบ 555)
ทดสอบภาคสนาม
ในการทดสอบการใช้งานครั้งนี้ ผมตั้งใจว่าจะใส่วิ่งหลายๆ รายการก่อน รวมทั้งการซ้อมเก็บระยะเพื่อเตรียมตัวสำหรับจอมบึงมาราธอนด้วย ซึ่งนับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งอากาศและความถี่ในการฝึกซ้อม
วิ่งซ้อม 20.3 กม. สวนลุมพินี
เปิดประเดิมการทดสอบด้วยระยะ 20.3 กม. เช้าวันอาทิย์ที่ 1 ธันวาคม สวนลุมพินี อากาศเย็นสบาย ระยะ 10 กม. แรกวิ่ง pace เฉลี่ย 7 กับลูกชาย เป็นทั้งโค๊ชคอยแนะนำการวิ่ง และสังเกตุความรู้สึกตัวเองกับการสวมใส่ใช้งานจริง และในอีก 10 กม. ที่เหลือ กับการวิ่งเร่งฝีเท้าขึ้นอีกนิด เพื่อปรับความเร็วเฉลี่ยโดยรวม และจบที่ pace 6:28 นาที ต่อกิโลเมตร
นั่งพักหลังวอร์มดาวน์และยืดเหยียด
จากประสบการณ์การใช้งานรองเท้าวิ่งมาแล้ว 2 คู่ คือ Nike Structure 15 ที่ค่อนข้างเล็กทำให้นิ้วไปชนกับหัวรองเท้า และ Asics Gel Kayano 19 ที่มีเจลรองรับการกระแทกที่พื้น โดยเฉพาะที่บริเวณส้น และมีส่วนหน้าเท้ากว้าง ทำให้เห็นความแตกต่างของรองเท้า 3 คู่นี้ได้อย่างชัดเจน
คงไม่ต้องพูดถึงสองคู่แรกแล้วเพราะเคยเขียนไว้ในตอน รองเท้าวิ่งคู่ใหม่ ... Asics Gel-Kayano 19 แล้ว
ผมพบว่า แม้รองเท้าคู่นี้จะไม่มีส่วนของหน้าเท้ากว้างเหมือนกับ Asics แต่ทรงที่ดูเพรียวกว่าของ Brooks PureFlow 2 คู่นี้ก็ไม่สร้างปัญหาเรื่องการบีบหน้าเท้า หรือนิ้วเท้าแต่อย่างใด ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะเกิดกับผม ที่ระยะเกิน 10 กม. ขึ้นไป เพราะนิ้วเท้าเราหรือขนาดเท้าเราจะขยายตัวมากขึ้นจากการลงเท้า ในขณะที่บริเวณกลางเท้า รับรู้ได้ว่ามีความกระชับดี ซึ่งในตอนแรกรู้สึกเหมือนกับว่าจะสร้างปัญหาการบีบรัดมาเกินไปหรือไม่ แต่พอวิ่งจบก็สบายเท้าดี
Brooks PureProject ทุกคู่ ถูกออกแบบมาให้มีแถบสายอีลาสติกที่จะทำหน้าที่รัดกระชับเท้าให้เข้ากับทรงรองเท้า แต่จากที่เคยอ่านรีวิวรองเท้าซีรีย์นี้ของนักวิ่งต่างประเทศ ก็เหมือนกับว่าไม่แตกต่างกัน แม้จะตัดเอาแถบอีลาสติกนี้ออกไป
แถบอีลาสติกตรงช่วงกลางเท้า
ส่วนตำแหน่งฝ่าเท้า ซึ่งมีผลมากกับการเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับเรา (อ่านย้อนที่ตอน รองเท้า...กับการวิ่ง) ก็ไม่รู้สึกว่ามีการกดทับตลอดเวลา แต่ให้ความรู้สึกกระชับพอดี
สีส้มสะท้อนแสง สะใจดีจริงๆ
การทดสอบครั้งที่ 2 ผมวิ่งซ้อมระยะ 10 กม. ที่สวนลุมพินี เช้าวันอังคารที่ 3 ธันวาคม ซึ่งเป็นเช้าวันอากาศดีมากๆ เลยคิดว่าจะลองเพิ่มสปีดการวิ่งดู
ผมวิ่งจบ 10 กม. ด้วย pace เฉลี่ย 5:39 ซึ่งสำหรับตัวผมเองถือว่าเร็วเกือบจะที่สุดที่สามารถประคองความเร็วได้แล้ว (สำหรับระยะทาง 10 กม.) การวอวร์มอัพยืดเหยียดที่คิดว่าดีพอ (ราวๆ 15 นาที) และการลงเท้าแบบ mid foot (กลางฝ่าเท้า) แทนการลงส้นเหมือนหลายๆ เดือนที่ผ่านมา ทำให้การวิ่งเช้าวันนั้นสนุกมาก เพราะรองเท้าคู่นี้มีน้ำหนักเบากว่า Asics Gel Kayano 19 อยู่เล็กน้อย และมีความกระชับมากกว่า (ถึงแม้จะเป็นไซส์ 12 เหมือนกัน แต่ Brooks PureFlow 2 คู่นี้จะเล็กกว่า ทำให้กระชับรูปเท้ามากกว่า)
การทดสอบครั้งที่ 3 ระยะทาง 11 กม. รายการ Run for the King เริ่มต้นที่สวนลุม วิ่งออกข้างนอกไปตามถนนวิทยุ เลี้ยวซ้ายเข้าเพลินจิต แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำริ ตรงเข้าสีลมก่อนไปเลี้ยวซ้ายที่ถนนมเหศักดิ์ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาทรเหนือ วิ่งกลับมาที่สวนลุมพินี เป็นการวิ่งทดสอบบนถนนครั้งแรกของรองเท้าคู่นี้ ด้วย pace เฉลี่ย 6:24 ช่วงกม. สุดท้ายเร่งสปีดตามลูกชายด้วย pace 5:12 - 5:30 รู้สึกว่าการลงเท้าแบบ midfoot กับรองเท้าคู่นี้มันสนุกดีเหมือนกัน
Brooks ของพ่อกะลูก
และกับการทดสอบอีกครั้งก่อนจะจบบันทึกนี้ ผมวิ่งระยะฮาล์ฟมาราธอน รายการ "ฮาล์ฟมาราธอนครั้งที่ 3 - เพื่อน้องเพื่อการศึกษา" (ร้านครัวพ่อกำนันซีฟู๊ต บางขุนเทียน) ระยะทาง 22.5 กม. ถือว่าไกลเอาเรื่องเลย เพราะไม่เคยวิ่งระยะนี้มาก่อน (ไกลกว่าฮาล์ฟมาราธอน อีก 1.4 กม.)
เข้าเส้นชัย งาน 3rd Half Marathon ครัวพ่อกำนันซีฟู๊ด
อากาศตอนเช้าที่เย็นสบาย ภูมิประเทศโล่งตา ทำให้วันนี้วิ่งดีมาก จบรายการด้วยเวลา 2:08:33 ชั่วโมง (pace เฉลี่ย 5:43) และสามารถวิ่งฮาล์ฟมาราธอนใช้เวลา 1:59:26 ชั่วโมง
แต่ที่รู้สึกได้ตั้งแต่ช่วง กม. ที่ 18 คือ เหมือนกับว่าฝ่าเท้าขยายเพราะการวิ่งระยะไกล และฝ่าเท้ารู้สึกได้ถึงขอบแผ่นรองรองเท้าทั้งด้านนิ้วโป้งและนิ้วก้อย แต่ไม่มีการบีบที่ปลายเท้า หรือการกดรัดที่กลางฝ่าเท้า
บทสรุป
สำหรับการทดสอบระยะรวม 64 กิโลเมตร ภายในระยะเวลา 8 วัน ทำให้คุ้นกับรองเท้าคู่นี้ดีในระดับหนึ่ง รวมทั้งการปรับวิธีการวิ่ง เพื่อลงเท้าแบบ mid foot ทำให้ลดแรงกระแทกไปยังส่วนข้อต่อต่างๆ (เข่า สะโพก และอื่นๆ) จากการลงเท้าแบบ heel strike
คิดว่าได้รองเท้าที่สีสัน และการออกแบบถูกใจมาก ขนาดที่เหมาะกับความกว้างและความยาวเท้า (Asics Gel Kayano 19 ไซส์ 12 มีพื้นที่เหลือที่ปลายนิ้วเท้ามากกว่า Brooks เยอะเหมือนกัน)
คงต้องลองวิ่งระยะไกล (ฮาล์ฟ มาราธอน หรือไกลกว่านั้น) อีกเพื่อดูว่าจะรู้สึกว่าเท้าขยายจนรู้สึกอย่างที่บอกไปแล้วอีกหรือเปล่า แต่ถ้าระยะมินิมาราธอนหรือน้อยกว่านั้น หรือแม้กระทั่ง 15 กิโลเมตร คงจะใส่วิ่งอย่างสบายๆ
ถ้าใครสนใจลองไปแวะลองดูครับ บางทีอาจจะได้รองเท้าดีๆ อีกสักคู่กลับบ้านก็ได้ อ่อ.. แล้วตามสถิติ เค้าบอกว่า การที่เรามีรองเท้าวิ่งต่างๆ กันหลายคู่ จะช่วยลดโอกาสการเกิดการบาดเจ็บเนื่องจากรองเท้าที่ไม่พอดี ไม่เหมาะสม ได้ถึงเกือบ 40%
แต่ถ้าจะมีรองเท้าเป็นโหล แบบนั้นก็คงเยอะไปแล้วล่ะ ^^
12 comments:
เขียนเก่ง อ่านสนุก คนเริ่ิมหันมาใช้ Brooks มากขึ้นคุณภาพดี ราคาไม่แพงมา ผมกำลังรอSaucony ที่กำลังเข้าไทยปีหน้าครับ
ขอบคุณมากครับ เห็นด้วยเรื่องคุณภาพและราคาเลยล่ะครับ ถ้าเฉลี่ยวิ่งปีละ 1,000 กม. แล้วต้องเปลี่ยนรองเท้าทุกปี ถ้าต้องควักเงินระดับครึ่งหมื่นขึ้นไปสำหรับรองเท้าคู่นึง ผมว่าเหงื่อแตกเหมือนกันครับ
ยังไม่กล้าใส่วิ่งยาวเลยค่ะ ตั้งแต่ได้มาจะใส่วิ่งเต็มที่ 1 ชั่วโมงแบบสปีดช้า ๆ .. เพราะรู้สึกว่าความรู้สึกต่างจาก Sketchers มากพอสมควร คงต้องทำความคุ้นเคยให้มากกว่านี้ก่อน
ผมใช้คู่นี้มาเกิน 100 กม. แล้วตอนนี้ ชอบคู่นี้มากๆ กับระยะ 10-15 กม. รู้สึกว่ามันเหมาะกับระยะมินิฯ ถ้าวิ่งสัก pace 5:30 หรือเร็วกว่านั้น สนุกเลย แต่ถ้าระยะไกลกว่า 15K ผมรู้สึกว่า Asics จะสบายเท้ากว่า ... ฮั้วลองซ้อมฮาล์ฟสักเที่ยวดูสิ อาจจะชอบก็ได้
หมายเหตุ: เท้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่ได้หมายความว่า brooks รุ่นนี้ไม่เหมาะกับระยะฮาล์ฟหรือฟูลนะครับ
คุณฮั้ว ก็เป็นบล็อเกอร์ ที่คนตามอ่านเยอะ คือเธอละเอียดทุกเม็ด ผมก็หนึ่งในนั้น
ผมจะต้องบอกว่า ที่ผมมาเริ่มเขียนบล็อก ก็เพราะฮั้วนี่แหละครับ (ขอบคุณอีกครั้งนะค๊าบบบบ) และติดตามแฟนเพจตลอดด้วย การได้บันทึกความรู้สึกในช่วงเวลาหนึ่งๆ แล้วกลับมาอ่าน มันรู้สึกดีเหมือนกันครับ และยิ่งถ้ามันเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ยิ่งดีเข้าไปใหญ่
ขออนุญาต เรียกพี่..
เป้าหมายที่ตั้งในการวิ่งคืออะไรคับ ? มาราธอน , อัลตร้า ,ไตรกีฬา...ไม่ยอมแก่
เป้าหมายตอนนี้คือ จอมบึงมาราธอน เวลาไม่เกิน 4:30 ชั่วโมงครับผม พลาดจากกรุงเทพมาราธอนเพราะเจ็บ งานนี้เต็มที่เลย ... ว่ายน้ำก็คงเป็น cross training ครับ เวลาสำหรับ 1,500 เมตรนี่ผมพอสู้ได้แล้ว (ไม่โหล่แน่ว่างั้นเหอะ 555+) แต่คงยังไม่ไปไตรฯ ครับ ไม่มีจักรยาน ^^ ... ปีหน้าคงเน้นการทำเวลาให้ดีขึ้นสำหรับระยะมินิและฮาล์ฟครับ (Trail ยังไม่รู้สึกว่าอยากลงจริงๆ สักเท่าไหร่นะ ส่วน Ultra นี่ยังไม่คิดเลยครับ)
เป้าหมายชัดเจน
เพิ่งได้เจอบลอคนี้โดยตามจากที่พี่ไปคอมเม้นท์ที่บลอค Foot Fit For Run ดีใจจังค่ะ ที่ได้รู้จักคนเขียนบอลคเรื่องวิ่งอีกคนแล้ว เขียนได้สนุก น่าอ่านมากค่ะ
กำลังมองหารองเท้าคู่ใหม่อยู่เลย และ Brooks เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่หมายตาไว้ เดี๋ยวจะไปลองดูรุ่นนี้บ้าง :)
พึ่งไปถอย Skechers มา ด้วยกิเลสล้วนๆ ลด20% ใช้คะแนนใน The One Card ถึง 12/01
ช่วงปีใหม่ โปรโมชั่นเยอะ ไม่แปลกที่ทุกคนช๊อบกระจายครับผม ผมก็โดนไปอีกหลายรายการ 5555
ขอบคุณ BimBim ที่แวะมาอ่านครับผม การได้อ่านเรื่องวิ่งของคนอื่น ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ นั้นสนุก และหลายๆ ครั้งให้มุมมุองชีวิตที่ดีด้วยครับ (ผมก็เอา blog footfitforfun มาแปะอัพเดทที่ blog ผมสักพักใหญ่ๆ ละ อิๆๆ)
Post a Comment