Wednesday, June 26, 2013

จำได้ว่า ตอนเด็กไม่เคยชอบการวิ่งเลย

เพราะไม่ใช่แนวนักกีฬาเหมือนเพื่อนๆ ไม่มีพรสวรรค์ด้านกีฬาเลยก็ว่าได้ T_T

คงเหมือนเด็กมัธยมต้น (ม.2) ทุกคนตั้งแต่ก่อนสมัยผมจนถึงปัจจุบัน (เมื่อกี้ถามลูกชายที่กำลังเรียน ม.2) คือเราต้องเรียนกรีฑา ทั้งชนิดลู่และลาน และการวิ่ง ก็รวมอยู่ในนี้ด้วยแน่ๆ 

ย้อนไปตอนปี 2525 (สมัยที่มีการคาดเดาว่าโลกจะแตก แล้วก็มีหนังฝรั่ง 2525 โลกาวินาศมาโกยเงินอยู่พักนึงนั่นแหละ) ผมเรียนอยู่ที่ โรงเรียนวิสุทธรังษี ซึ่งเป็นโรงเรียนชายประจำจังหวัดกาญจนบุรี


สนามโรงเรียนที่ต่างจังหวัดเกือบจะทุกโรงเรียน จะกว้างมาก เรียกได้ว่าว่ิ่งเล่นกันเหนื่อย แล้วก็จะมีสนามฟุตบอล กับลู่วิ่งมาตรฐานโรยปูนขาว สภาพแตกต่างกันไป ภาพข้างล่างเป็นสนามของโรงเรียนมีรั้วกั้นอย่างดี สมัยผมเรียน บางทีมีวัวเข้ามากินหญ้าด้วยซ้ำไป สนามไม่ได้ดีขนาดนี้ หน้าฝนมีหลุมบ่อ มีบ่อขนาดที่ว่ากบเขียดไปวางไข่กันได้เลย ส่วนอาคารทรงไทยเตี้ยๆ ใกล้ๆ เสาธงในภาพข้างล่าง คือที่ๆ อาจารย์จะมายืนดูพวกเราวิ่ง ...​กลางแดดตอนบ่าย




กลับมาที่เรื่องวิ่ง อาจารย์ที่แทบทุกคนจะจบจากวิทยาลัยพละศึกษา จะสอนทักษะการออกสตาร์ท การแอ่นอกตอนเข้าเส้นชัย พวกนี้ไม่ยาก แต่ที่ยากและไม่เคยทำเวลาได้เลยคือตอนที่วิ่งจริงๆ นี่แหละ



เริ่มจากระยะ 100 เมตร, 200 เมตร, 400 เมตร, 800 เมตร และไกลที่สุดที่วิ่งตอนนั้นคือ 1,500 เมตร เราจะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5-10 คน แล้วก็มีซ้อมบ้าง ตามระยะต่างๆ แต่เพราะช่วงเวลาคาบเรียนสั้น อาจารย์มักให้ไปซ้อมกันมาก่อน พอถึงคาบ ก็สอบกันเลย



สองรูปข้างบน คือภาพที่เห็นตอนเรายืนอยู่ตรงศาลามองเพื่อนๆ แต่ละกลุ่มวิ่งกัน ก่อนที่จะถึงเวลาของกลุ่มเรา และสิ่งที่เดาไม่ยากคือ ผมสอบไม่ผ่านเลยสักระยะเดียว พยายามสุดๆ ยังไง เวลาก็ตกแบบเฉียดฉิว จนสุดท้ายก็ต้องหาเวลาไปสอบซ่อม ไปวิ่งอีกกับคนที่วิ่งไม่ผ่านจากห้องอื่นๆ แล้วก็จบแบบไม่ผ่านอีกอยู่ดี

โชคดีที่อาจารย์เห็นใจว่าไม่เคยหนี ก็ให้เกรดผ่านมาได้กันทุกคน

แต่ผมจำได้ว่า ผมไม่เคยชอบการวิ่งอีกเลยนับตั้งแต่ตอนนั้น มันเหมือนกันเราไม่มีวันจะทำได้ เพื่อนๆ หลายคนไปเรียนต่อสายทหาร ติดดาว จนทุกวันนี้คงต่อคิวรอยศนายพล หรือหลายคนที่เป็นชั้นประทวน ก็คงยศตันอยู่ที่ไหนสักแห่ง



คำขวัญโรงเรียน ฟังดูคล้ายของมหาวิทยาลัยรามคำแหง สมัยก่อนนักเรียนที่จบจากที่นี่ถ้าไม่ต่อวิทยาลัยครู (สมัยนี้เป็นราชภัฏ) ก็ต่อรามคำแหง มีน้อยมากที่ได้เรียนคณะดีๆ


ต้นโพธิ์ใหญ่ตรงทางออก ที่ๆ เคยมานั่งเปิดข้าวกล่องกลางวันกินกับเพื่อนๆ บนรถทหาร ที่มาเป็นรถบริการรับส่งนักเรียนกลับไปค่าย กองพลทหารราบที่ ๙ ... ต้นโพธิ์ต้นนี้ กวีซีไรท์ และศิลปินแห่งขาติ และศิษย์เก่า เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ก็เคยเขียนบทกวีไว้อย่างไพเราะจับใจ

ช่วงเดือนเมษายน 2556 ผมแวะเข้าไปที่โรงเรียน ไปดูบรรยากาศเก่าๆ แล้วก็ถ่ายภาพ ยังจำได้ถึงแดดแรงๆ สนามที่ไม่ค่อยจะมีหญ้า กับความรู้สึกว่า ทำไมเพื่อนๆ 40 กว่าคนวิ่งผ่านหมด แต่มีอยู่ 3-4 คนที่ไม่เคยสอบผ่าน หนึ่งในนั้นยังเข้ามาเรียนต่อด้วยกันในกรุงเทพ อยู่หอเดียวกัน จนจบปริญญาด้วยกัน และคบกันจนทุกวันนี้ ไว้สักวันคงจะลองชวนมันมาวิ่งด้วยกัน

ใครที่เรียนจบมานานแล้ว ว่างๆ ลองหาโอกาสไปเยี่ยมโรงเรียน หรือไปไหว้ครูอาจารย์บ้างก็ดีเหมือนกันนะครับ ใครเรียนเก่งหรือเป็นพวกตัวแสบ ก็คงไล่รุ่นกันไม่นาน แต่กรณีผม คงต้องท้าวความกันเป็นวัน

No comments: