Wednesday, October 9, 2013

บันทึกการซ้อมช่วงที่ 2 (สัปดาห์ที่ 5-8, 27 สค. ถึง 22 กย.)

เริ่มต้นช่วงที่ 2 ด้วยอาการบาดเจ็บต่อเนื่อง อาการเจ็บที่เกิดจากเอ็นน่องอักเสบยังไม่หาย ไม่เหมือนเจ็บหัวเข่าตอนเดือนพฤษภาคม ตอนนั้นเดินเกือบไม่ได้ แต่ตอนนี้เดินเหินไปไหนสบายๆ เพียงแต่ถ้าวิ่ง จะเจ็บลึกๆ ในกล้ามเนื้อที่น่องขวา ในจังหวะถีบเท้า


สัปดาห์ที่ 5

ถือว่าเป็นสัปดาห์แห่งการพักฟื้นก็แล้วกัน ไปหาหมอท่านเดิมที่ รพ.วิชัยยุทธ และได้ยา Vimovo 500/20  mg. ยาตัวนี้ไม่เคยกิน น้องในทีมบอกว่า มันเป็นตัวยา 2 ชนิดผสมกัน คือยากันการระคายกระเพาะอาหาร และยาระงับอักเสบกล้ามเนื้อหรือเอ็น ที่ต้องกินก่อนอาหาร วันละสองมื้อ เช้าและเย็น  ... ลืมกินก่อนเป็นประจำ!!

แต่ตอนนี้เริ่มว่ายน้ำมากขึ้น เพื่อให้หัวใจและกล้ามเนื้อยังได้ทำงานรักษาความฟิตของร่างกายเอาไว้ก่อน วันเสาร์กับอาทิตย์ ว่ายน้ำครั้งละ 30-40 นาที แบบต่อเนื่อง ไม่เคยว่ายนานต่อเนื่องมาก่อน หัวใจทำงานต่อเนื่องดีใช้ได้ ยังไม่รู้ว่าจะหายทันวิ่งงาน Adidas King of the Road 2013 หรือเปล่า



สัปดาห์ที่ 6

เริ่มต้นสัปดาห์ในวันจันทร์ ด้วยว่ายน้ำระยะ 1,000 เมตร ในเวลา 34 นาที ในสระที่คอนโด (ความยาว 25 เมตร) คิดว่าคงจะว่ายน้ำให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ร่างกายยังฟิตตลอด

ลองวิ่งซ้อมบนลู่วิ่งไฟฟ้าในวันจันทร์และวันอัึงคาร ยังมีอาการเจ็บอยู่ แต่ระหว่างสัปดาห์ รวมว่ายน้ำไป 3 ครั้ง (ระยะทาง 1,000 เมตร) เวลาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุดก็ได้ไปวิ่งงาน Adidas King of the Road 2013 งานเค้าจัดได้ดีมาก ตั้งแต่ป้ายบอกทาง การจัดการเรื่องจอดรถ เต๊นท์ต่างๆ พื้นที่งาน ห้องน้ำ เส้นทางวิ่ง จุดให้น้ำ ต้องบอกว่างานนี้ถือเป็นงานวิ่งที่ดีที่สุดที่เคยร่วมมาเลยก็ว่าได้ น่าจะเป็นต้นแบบที่ดีให้กับงานวิ่งอื่นๆ ในบ้านเราได้เป็นอย่างดี

การวิ่งในวันนั้นไม่ได้กะว่าต้องเอาเวลา แต่กะจะวิ่งไปถ่ายภาพไป ซึ่งผลเวลาออกมาไม่เลว แต่สปีดก็ไม่ดีเท่าการวิ่งครั้งก่อนๆ ... พอวิ่งจบ อาการเจ็บก็กลับมาอีกละ 



สัปดาห์ที่ 7 และ 8

ตัดสินใจพักยาว เพื่อให้อาการบาดเจ็บหายสนิท แต่พยายามออกกำลังเสริมด้วยการว่ายน้ำ ทั้งระยะ 1,000 เมตร, 1,500 เมตร และ 2,000 เมตร ซึ่งระยะไกลขนาดนี้ไม่เคยว่ายมาก่อนเหมือนกัน ทำเวลาได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ดีเหมือนกัน ได้มาว่ายน้ำจริงๆ จังๆ จากที่ไม่เคยว่ายน้ำจับเวลามาก่อน ทำให้เห็นพัฒนาการ และเริ่มมีกล้ามเนื้อที่แขนไหล่หน้าอกมากขึ้น

ตอนนี้เริ่มบอกตัวเองแล้วว่า คงฟิตไม่ทันระยะมาราธอน ในงานกรุงเทพมาราธอนแล้ว เพราะถ้าหายทัน คงซ้อมเก็บระยะได้ไม่มาก จะไปทรมานตัวเองเปล่าๆ เสี่ยงกับการบาดเจ็บ

สรุปช่วงที่ 2 วิ่งซ้อมได้ระยะทาง 106.73 กม. แต่ได้ซ้อมว่ายน้ำเยอะมาก

No comments: