ผมเริ่มวิ่งตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2556 ...ถึงเดือนมิถุนายน 2556 ได้รับบาดเจ็บ 2 ครั้ง ที่หัวเข่าซ้าย
เจ็บครั้งแรก
การบาดเจ็บครั้งแรกนั้นไม่แน่ใจว่าเกิดจากการลงเท้าที่ยังไม่ถูกต้อง หรือการวอร์มร่างกายไม่มากพอก่อนการลงวิ่ง ครั้งนั้นมีอาการเจ็บอยู่เกือบ 3 สัปดาห์ ไปหาแพทย์เกี่ยวกับกระดูกและกล้ามเนื้อ ที่รพ.วิชัยยุทธ เพื่อปรึกษา สิ่งที่ได้คือ ค่ารักษาแพงรวมทั้งค่าการใช้อุปกรณ์ส่งคลื่นอัลตร้าซาวน์เพื่อช่วยทำให้เอ็นตรงหัวเข่าซ้ายด้านในเกิดอาการอ่อนตัวไม่เกร็ง ซึ่งทำให้เจ็บเวลาเดิน
แต่หลังจากนั้นวันเดียวทุกอย่างก็เหมือนเดิม ยังเจ็บเหมือนเดิม ผมทานยา Celebrex 200 mg. วันละหนึ่งเม็ด (เคยได้ยินว่าคนที่เจ็บมากต้องทานเช้าเย็น 2 เวลา) โชคดีที่ไม่มีอาการข้างเคียงเช่นการอาการมึนหรือระคายกระเพาะอาหาร ยาตัวนี้ต้องทานทันทีหลังอาหาร
การประคบเย็นทันทีที่เกิดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็น ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกของการบาดเจ็บ จะช่วยได้มาก และหลังจากนั้นให้ประคบร้อน เพื่อให้กล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นไม่ตึงตัว
เจ็บครั้งที่ 2
รอบนี้เกิดจากความบ้าดันทุรังล้วนๆ เพราะรู้สึกขาพับด้านซ้ายมีอาการขัดๆ ตั้งแต่ก่อนวิ่งวันสองวัน แต่วันที่ไปว่ิงที่งาน ดีแทค เดิน-วิ่ง เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันฉัตรมงคล ก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ขับรถไปหัวหิน แวะกินข้าวที่สมุทรสงคราม พอลงจากรถแล้วเดินเข้าร้าน รู้สึกว่าเจ็บเข่าอีกแล้ว
เช้าอีกวันยังซ่า ไปวิ่งที่งาน 10th Preserve Hua Hin Heavy Half Marathon (วิ่งพิทักษ์หัวหิน เขาหินเหล็กไฟ) สุดท้ายวิ่งได้แค่ 5 กม. กว่าๆ เจ็บเข่าจนทนไม่ไหวต้องเดิน ยังดีที่ไม่เจ็บจนเข้าเส้นชัยไม่ได้ (อดเหรียญแล้วเสียใจยิ่งกว่าว่างั้น!!!)
พอวิ่งเสร็จ ขับรถลงเขา เดินกระเผลก ไปซื้อยา Celebrex ทันที แต่เอาไม่อยู่ อาการปวดเข่ารอบนี้เยอะจริงๆ เยอะจนคิดว่าจะกลับมาวิ่งไม่ได้อีกแล้ว T_T (ดราม่าไปละ) พอกลับกรุงเทพฯ รีบไปหาหมอ คราวนี้ไม่หาหมอคนเดิม (คงจบมาไม่กี่ปี ไม่ค่อยบอกอะไรเลย เสียดายตังค์) เจอระดับอาจารย์หมอละรอบนี้ อาจารย์จับหาตำแหน่งที่เจ็บ แล้วบอกว่าอาการเจ็บเกิดจาก ถุงน้ำที่เป็นตัวคั่นระหว่างเอ็นยึดหัวเข่ากับเอ็นตัวที่ควบคุมการเคลื่อนที่ของกล้ามเนื้อมัดต่างๆ เกิดอาการอักเสบ
รอบนี้อาจารย์หมอให้ยา Voltaren SR 100 mg. ให้ทานวันละหนึ่งครั้งหลังอาหารเช้า แล้วก็โชคดีอีกที่ไม่มีอาการข้างเคียงเช่นการอาการมึนหรือระคายกระเพาะอาหาร ยาตัวนี้ต้องทานทันทีหลังอาหาร เหมือนกับ Celebrex
ไปหาอาจารย์หมออีกครั้ง อาการดีขึ้นมาก ผมถามว่าอาการที่เป็นมันซีเรียสมากขนาดถึงกับต้องเลิกวิ่งมั้ย ได้รับคำตอบว่า สบายๆ ไม่ซีเรียสเลย ไม่ต้องเลิกวิ่งแน่ๆ แต่ต้องดูรองเท้าให้เหมาะสมมากขึ้น แบบที่มีการรองรับดีๆ
ในช่วงระหว่างอาการบาดเจ็บ ผมพยายามว่ายน้ำบ่อยๆ (และเบาๆ) เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ยืดเหยียดบ้าง ครูสอนว่ายน้ำที่คอนโด เป็นอีกคนที่ให้คำแนะนำต่างๆ ได้ดีมาก (คงจะเรียกว่าใช้ภาษาที่เราเข้าใจมากกว่าแพทย์ และครูเค้ามีประสบการณ์บาดเจ็บมาหลายครั้ง เพราะเป็นครูพละ) ทำให้เรามั่นใจว่า เราจะกลับมาวิ่งได้
ผมกลับมาวิ่งอีกครั้ง 60 ปี บ้านบางแค มินิมาราธอน และไม่มีการบาดเจ็บ และยังวิ่งต่อมาทุกวันอาทิตย์ต่อเนื่องตลอดทั้งเดือนมิถุนายน ...อย่างมีความสุข
ข้อมูลที่เขียนอาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด เป็นการเล่าประสบการณ์ที่เจอมากับตัวเอง ขอให้ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญถ้าเกิดอาการบาดเจ็บนะครับ
ต้องท่องเอาไว้ว่า ถ้าเจ็บ ต้องไม่ฝืน เพราะผลที่ตามมานั้น มันรุนแรงกว่าเสมอ
1 comment:
อาจารย์ที่ จขท.ไปรักษาแล้วหาย ที่โรงพยาบาลไหนครับ? ผมวิ่งแล้วมีอาการเจ็บข้างเท้าด้านใน1ข้าง ไปหาหมอ แล้วได้ยามากินแรกๆก็หาย พอกลับไปเดินไกลหรือวิ่ง ก็ยังมีอาการเจ็บที่เดิมเหมือนเดิม อาการเจ็บนี้เริ่มเป็นตั้งแต่หลังการการวิ่งติดต่อกันนาน 2 ปีครับ
Post a Comment