Tuesday, July 2, 2013

เส้นทางสู่ กรุงเทพมาราธอน 2013 (1) - บทเริ่มต้น

เริ่มเขียนบันทึกนี้วันที่ 2 กรกฏาคม หลังจากที่ (คิดว่า) เริ่มโปรแกรมการฝึกวิ่งด้วยตัวเอง สำหรับกรุงเทพมาราธอน (Standard Chartered Bangkok Marathon 2013) ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน ก็พบว่า เริ่มเร็วเกินไป​ (ซะงั้น)




เห็นโต๊ะรับสมัครงานนี้ตั้งแต่งานวิ่งดอกบัวคู่ละ แต่ยังมีเวลาตัดสินใจอีกนานพอดู แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะลงแบบมาราธอนหรือฮาล์ฟดีด้วยสิ

การลงทะเบียนสมัครมี 2 ช่วงคือ 1 มิย. - 20 กย. (800 บาท) และ 21 กย. - 30 กย. (1,200 บาท) ถ้าเป็นคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศ ราคาก็จะแพงกว่านี้ ส่วนคนต่างชาติ ถ้าอาศัยหรือมีที่อยู่ในไทย ก็สมัครราคาเดียวกันกับคนไทย ก็แฟร์ดี ถ้าจะลงวิ่งฮาล์ฟ ราคาก็ลดลงเหลือ 400 บาท (สำหรับการสมัครในช่วง 1 มิย. - 20 กย.)


ระยะทาง 42.195 กม. ไม่ใช่ใกล้ๆ เลย ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าจะวิ่งมินิมาราธอน (10.5 กม) ได้ด้วยซ้ำ และคงไม่มีใครวิ่งมาราธอน โดยไม่ได้ฝึกเตรียมร่างกายให้พร้อมแน่ๆ ยกเว้นพวกที่บ้าสุดขั้ว (แต่ก็คงไม่ได้เข้าเส้นชัยแน่ๆ)

จำได้ว่าตอนดูหนังเรื่อง รัก 7 ปี ดี 7 หน ครั้งแรกราวๆ เดือนเมษายน 2556 (หลังจากเริ่มวิ่งมา 2 เดือน) ชอบตอนสุดท้ายที่เกี่ยวกับการวิ่งมาราธอนมาก แต่อารมณ์นั้นบอกตัวเองเหมือนกันว่า เราวิ่งมาราธอนไม่ไหวแน่ๆ (จะบ้าเหรอ จะวิ่งมาราธอนเนี่ยนะ!!!) แต่เส้นทางวิ่งมาราธอน มันน่าสนใจมากๆ เส้นทางในฝันเลยก็ว่าได้ เพราะผมชอบดูบ้านเรือนเก่าๆ และเดินดูมาหลายปีแล้ว ตามที่ต่างๆ ในกรุงเทพ แล้วแต่โอกาสจะอำนวย




หลังจากหาตารางฝึกวิ่งอยู่หลายที่ พบว่า ตารางที่เว็บกรุงเทพมาราธอนแนะนำ น่าจะเหมาะสมกับเวลาของผมมากที่สุด (สูตร 1ข. สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานวิ่งมินิมาราธอน และฮาล์ฟมาราธอนมาบ้างแล้ว) ซึ่งเค้าบอกว่าเหมาะสมกับคนที่วิ่งมาราธอนเป็นครั้งแรก และน่าจะสามารถทำเวลาได้ในช่วง 5-6 ชั่วโมง และนอกจากตารางนี้แล้ว ก็ยังมีตารางที่เหมาะกับคนที่ไม่เคยวิ่งมินิหรือฮาล์ฟมาราธอนมาก่อน (น่าจะเข้าเส้นชัยภายใน 7 ชั่วโมง) และตารางที่เหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์ และตั้งใจทำเวลาให้ดีกว่า 5 ชั่วโมง

สูตร 1ข. เค้าหนดไว้ยังงี้



คือกำหนดให้ฝึุกวิ่งทั้งหมด 16 สัปดาห์ และแต่ละสัปดาห์ต้องพยายามวิ่งให้ได้ 4 วัน โดยในวันแรกๆ ของสัปดาห์จะเป็นการวิ่งเบาๆ และสลับกับวิ่งไกลขึ้น และในวันหยุด ต้องวิ่งระยะไกลขึ้นเรื่อยๆ ตามตาราง (โฮกกกกกกก ....)

ดูจากเวลาแล้ว ผมคงวิ่งสัปดาห์ละ 4 วันไม่ได้ ต้องลดจำนวนวัน แต่ต้องเพิ่มระยะทางเข้าไป !!!! ก็ได้ตารางนี้ออกมา (จะไหวมั้ยเนี่ย) ส่วนจำนวนรอบที่ระบุไว้ในตาราง คือรอบของการวิ่งที่สวนลุมพินี ถ้ามองเป็นการวิ่งเท่านั้นเท่านี้รอบ มันก็ดูไม่โหดนะ 

เค้าบอกว่าถ้าคิดว่าไกล ขาจะหมดแรง ซึ่งเป็นเรื่องจริง การวิ่งระยะไกล กำลังใจของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ จากประสบการณ์วิ่งที่ผ่านมา อาจจะมีนักวิ่งที่แซงเราไปแล้วหันมาเชียร์ให้กำลังใจ (กวักมือ หรือชูสองนิ้วเครื่องหมายชัยชนะ หรือยกหัวแม่โป้ง แล้วแต่) แต่ใจเราเองนี่แหละสำคัญที่สุด

ดังนั้น มองว่าเป็นการวิ่งกี่รอบสวนลุม จะดีกับกำลังใจ


ถ้านับถอยหลังจากวันที่ 17 พย. นั่นก็หมายความว่า ผมต้องเริ่มฝึกวิ่งตามตารางตั้งแต่วันที่ 30 กรกฏาคมนั่นเอง

ลองดูกันสักตั้ง ว่าจะทำได้หรือเปล่า ถ้าไม่เกิดอาการบาดเจ็บ และมีวินัยที่ดีพอ เป้าหมายคงอยู่ไม่ไกล คงจะยังไม่ลงทะเบียน ยกเว้นมีข่าวว่าคนสมัครจะเต็ม หรือจะใกล้วันที่ 20 กย.

อาาาาาา ... นี่กรูท่าจะบ้าไปแล้วสินะ @_@

5 comments:

ayishere said...
This comment has been removed by the author.
ayishere said...

กำลังคิดว่าอยากจะลงวิ่งยาวๆ ครั้งแรกเหมือนกันค่ะ สู้ๆ นะคะ

Unknown said...

ไม่บ้าครับ ผมใช้ตารางเดียวกับคุณเลย กำลังซ้อมเพื่อลง full marathon ครั้งแรกเหมือนกันครับ

สู้ไปด้วยกันครับ

Unknown said...

รองเท้าก็รุ่นเดียวกันเลยครับ ดู pace แล้วก็ใกล้เคียงกัน

ผมซ้อมที่ไทยญี่ปุ่นดินแดงครับ

Run Forlife said...

เข้าท่าๆค่ะ นับเป็นรอบสวนลุม
นี่ถ้านับเป็นรอบสวนหลวง กำลังใจจะมากกว่านี้อีกนะคะ อิอิอิ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ขอเอา blog ของคุณ smart ไปไว้ใน blogroll ของเราด้วยนะคะ
ชอบอ่านบันทึกการฝึกซ้อม มันทำให้ฮึกเหิมดี
ขอบคุณมากค่ะ